CASE STUDY ชีวิตเกือบพังเพราะบังคนเดียว

CASE STUDY ตอนที่ 1 : จุดเริ่มต้นของระเบิดเวลา

***** เรื่องที่เล่าในกระทู้นี้ทั้งหมดเป็นเรื่องจริงจากประสบการณ์ของเจ้าของกระทู้ ไม่มีเจตนาใส่ร้ายป้ายสีบุคคลใดในเรื่องนี้ *******
 
·         สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาแบ่งปันเรื่องราวประสบการณ์ "ความรักความหลง" ให้เพื่อนๆอ่านกัน มันเป็นเรื่องราวที่อาจจะไม่ซับซ้อนสำหรับคนที่ไม่เคยประสพพบเจอกับประสบการณ์แบบนี้ แต่สำหรับคนที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจะเข้าใจดีกับคำว่า "สมองหยุดทำงาน เมื่อหัวใจมืดบอด”

·         ย้อนกลับไปปี 2018 เราสมัคร Tinder เพื่อนหาเพื่อนและแฟนหากเข้ากันได้ดี ส่วนมากปัดเจอคนอินเดียค่ะ (ปกติจะมีเพื่อนชาวอินเดียอยู่แล้ว แต่ละคนนิสัยดีมากค่ะ) คุยไปได้สักพักก็หยุดเพราะรู้สึกไม่มีความน่าสนใจ จนในที่สุดมาเจอโปรไฟล์หนึ่งที่ใช้รูปเป็นรถ Big bike แต่บอกรายละเอียดส่วนตัวชัดเจน ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเลยปัดขวาและแมชกัน คุยกันได้สักพักใน Tinder ก็ย้ายมาคุยใน Line และนั่นเป็นครั้งแรกที่เห็นรูปของผู้ชายคนนี้

·         ผู้ชายที่สูง 180+ นัยย์ตาหวานๆ มีเคราสวยๆ แน่นอนว่าเป็นที่ชอบของใครหลายคนรวมถึงตัวเราเอง เราสองคนคุยกันในบริบทที่เป็นเพื่อนกัน คุยด้วยแล้วสบายใจ แต่ในหัวใจเราเริ่มรู้สึกหวั่นไหวกับความสม่ำเสมอของเขา เป็นแบบนี้สักพักจนในวันหนึ่งเรานัดเจอกันไปทานข้าว เรายังจำช่วงเวลานั้นได้ดี มันมีความสุข มีเสียงหัวเราะ มีรอยยิ้มและความทรงจำที่ไม่อาจจะลบเลือนได้ มันสวยงาม เราแบ่งปันประสบการณ์ในชีวิตที่ผ่านมา ถามตอบกันโดยไม่ได้ปิดบังอะไร ซึ่งในคำถามที่เราถาม นั่นคือ “เธอแน่ใจเหรอที่เธอบอกว่า โสด” ใช่ค่ะ ผู้ชายคนนี้บอกว่าไม่มีใคร ตัวเราเองรู้สึกสบายใจ ที่ไม่ต้องมีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน เพราะในชีวิตรู้จักความสัมพันธ์แค่ 2 อย่าง คือ แบบเพื่อน และ แบบคนรัก

·         ความสบายใจ ความห่วงใย มันนำมาซึ่งความหวั่นไหวในหัวใจ ไม่เคยมีใครมาทำให้ใจไหวหวั่นขนาดนี้มาก่อนในชีวิต จนในที่สุดตัดสินใจเป็นของกันและกัน เรามีความสุขมากเมื่อเราอยู่กับเขา เขาเป็นคนที่ชอบทำอาหาร และชอบดูแลเรา อาหารจานโปรดที่อร่อยที่สุดคืออาหารจากฝีมือของเขา ความรักนี้ช่างสวยงาม เราตกอยู่ในห้วงความรักโดยไม่รู้ตัว

·         จนในวันนึง คุยแชทกันตามปกติ เราก็พูดเรื่องงานเราให้เขาฟังสนุกๆ เขาชื่นชมเราจนเราบอก “I’m not that good.” เขาตอบกลับว่า “You are.” “My current girlfriend” ในใจคือตื่นเต้น เขาเรียกเราว่าเป็นแฟนหรอเนี่ย ตอนนั้นยิ้มแล้ว ยิ้มแบบไม่หุบ แต่แล้วฟ้าผ่ามาตรงกลางใจ เมื่อเขาพิมพ์ต่อมาอีกว่า “She gets very good money from extra teaching. She has her own house and car in a very young age.” เส้นชีพจรหยุดนิ่ง แบบเรียบ ได้ยินแต่เสียงหายใจที่แผ่วเบากับหยดน้ำตาที่หลั่งมาพร้อมกับความเจ็บปวด .....ค่ะ......เราเป็นใครไม่รู้ ณ จุดๆ นี้ เรารู้สึกเจ็บแปลบๆ เพราะเราชอบเขาไปแล้ว แล้วมารู้ทีหลังว่า เขามีแฟนแล้ว เราถามเขาว่ามีแฟนแล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก มาทำให้ชอบทำไม เขาตอบกลับเรามาว่า เขาบอกในวันที่เราคุยกันตั้งแต่วันแรกแล้วเธอจำไม่ได้หรอ เราย้อนไปดูบทสนทนา ซึ่งมันไม่เคยมีอยู่จริงเลย

·         เราถอยออกมาและคงสถานะความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไว้ เพราะถึงยังไง เขาก็ไม่ใช่คนที่เลวร้าย เราไม่คุยหวาน ไม่แสดงความห่วงใย ไม่อะไรทั้งนั้น เพราะเราคิดว่าถ้าผู้หญิงคนนั้นรู้ เขาต้องเสียใจมากๆ ถ้าถามว่าตอนนั้นตัดใจจากเขาได้ไหม ตอบได้เลยว่า ไม่ได้ค่ะ ไม่ได้เลย แต่ต้องทำเพื่อความถูกต้อง ตอนนั้นยังใช้สมองอยู่บ้าง หัวใจยังไม่ได้มืดบอดมาก แต่เรายังห่วงหาเขาอยู่ตลอด อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ

·         ผ่านมาไม่ถึงเดือน เขาบอกเราว่าเขาเลิกกับแฟนแล้ว เพราะแฟนพยายาม CONTROL ชีวิตเขามากเกินไป เขาต้องการอิสระ เราถามเขาไปว่า เขาเลิกกับแฟนเพราะเราใช่ไหม ถ้าใช่เราขอโทษเพราะเราไม่ได้ตั้งใจที่จะเข้ามาทำลายความสัมพันธ์ของพวกเขาจริงๆ เขาบอกว่า ไม่ใช่ แฟนไม่เคยรู้เรื่องเรา เราก็รู้สึกโล่งใจที่ไม่ใช่สาเหตุในการเลิกราครั้งนี้ เราเลยถามต่อไปว่า แล้วเลิกกันเพราะอะไรล่ะถ้าไม่ใช่เพราะเรา คำตอบที่ได้มาคือ เขาเลิกกันเพราะผู้หญิงอีกคนที่เขาให้นิยามว่าเป็น “เพื่อน” เขาบอกว่าเขาเบื่อที่จะต้องคบกับแฟนคนนี้ คนที่ไม่สามารถทำอะไรหลายๆอย่างด้วยกันได้ แต่เพื่อนคนนี้ทำได้ เขามีความสุขที่จะได้อยู่กับเพื่อนคนนี้ เขาจำกัดความคำว่า “เพื่อน” ยังไงนะ ได้แต่ถามตัวเอง เพื่อนเหรอ ... ตอนนั้นไม่ได้รู้สึกอะไร โอเค... เพื่อนก็เพื่อน

·         เชื่อไหมคะว่า เวลาที่เราสงสัยอะไร คำว่าไม่ได้คำตอบไม่มีในพจนานุกรมสำหรับผู้หญิง 
·         จุดเริ่มต้นมันอยู่ตรงนี้แหละค่ะ 
·         จุดเริ่มต้นของความโง่เขลา ตาบอด และไม่รักตัวเอง
เดี๋ยวมาต่อตอนที่ 2
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่